หลายคนคงเคยเล่นเกมกล่องใหญ่ กระดานแผ่กว้างเต็มพื้นที่ ตัวหมากมากมายและซับซ้อน แต่สิ่งเหล่านั้นมันช่างตรงกันข้ามกับบอร์ดเกมจากญี่ปุ่น ดินแดนที่เต็มไปด้วยเกมกล่องเล็ก และคาแร็คเตอร์เฉพาะตัวของแต่ละค่ายเกมที่ไม่เหมือนใคร
วันนี้พยัคฆ์อรุณขอพาคุณมารู้จักกับค่ายเกมที่ชื่อว่า Saashi&Saashi ค่ายเกมสุดอินดี้ เพราะเนื้อหาของเกมนั้น ไม่มีปีศาจ คาถา มังกร หรือแม้แต่โลกแฟนตาซี มีแต่ความฮิปสเตอร์ เริ่มด้วยเกมนี้เลย Blend Coffee Lab.
เกมการ์ดที่เล่นแบบเบาๆ ใช้เวลาไม่นาน เล่นได้ 2-4 คน เนื้อหาสมมุติว่าเราอยู่ในแล็บกาแฟ หน้าที่คือต้องชงกาแฟที่ดีที่สุด ให้มากแก้วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยกาแฟที่ดีต้องครบสี่องค์ประกอบคือ aroma , acidity , body , sweetness แต่การจะได้องค์ประกอบครบสี่นี่สิ ไม่ง่าย ต้องแย่งชิงกันหน่อย
ในกล่องมีอุปกรณ์ประมาณนี้ มีคู่มือภาษาอังกฤษให้นะ เผื่อใครจะซื้อ
หน้ากล่องเป็นชายหนุ่มจิบกาแฟที่เค้า blend รสชาติขึ้นเอง คาดว่าเป็นลูกครึ่งเพราะผมทอง แต่งกายปราณีตอย่างฮิปสเตอร์ญี่ปุ่น สังเกตจากการแต่งกายที่สวมเชิ้ตคัตติ้งพอดีตัวโดยสวมเสื้อกั๊กทับ หน้าตาดูชิล และที่สำคัญเค้าไม่มีคิ้ว!!
เอาล่ะ เข้าเรื่องดีกว่าในเกมนี้คุณต้องเบลนด์กาแฟให้ครบแก้ว ซึ่งแก้วนึงใช้การ์ด 4 ใบ 4 สี อันเป็นตัวแทนของ
สีฟ้า - Aroma (ความหอม)
สีเขียว - Acidity (ความเปรี้ยว)
สีเหลือง - Sweetness (ความหวาน)
สีแดง - Body (บอดี้)
กติกามีง่ายๆว่า แก้วที่เบลนด์ ต้องมีระดับความเข้มที่เท่ากันเท่านั้น โดยสังเกตได้จากเม็ดกาแฟที่มุมการ์ด กาแฟเข้มระดับสามเม็ด ต้องชงกับระดับสามเม็ดด้วยกัน จะกับสองหรือหนึ่งเม็ดไม่ได้
และยิ่งชงด้วยการ์ดตัวเลขเดียวกัน จะยิ่งคะแนนสูง เพราะถือว่ามี skill เป็นเลิศ อย่างเช่นแก้วนี้ชงด้วย 8-8-8-8
ในกรณีที่เล่นกันสามคน เกมจะเอาการ์ดสีเหลืองออกไปทั้งหมด และจะชงโดยใช้แค่สามการ์ด ได้แก้วรูปร่างต่ามภาพ
แค่ประกอบแก้ว ยากตรงไหน?
ความยากอยู่ที่ เมื่อแจกการ์ดให้ผู้เล่นทุกคนในจำนวนเท่ากันแล้ว เราไม่สามารถสร้างแก้วกาแฟจากการ์ดในมือเราได้เลยทันที เพราะการ์ดทุกใบจะบังคับให้ทิ้งลงมายังกองกลาง คนละใบ
แล้วให้ผู้เล่นที่มีสิทธิสูงสุด ได้เลือกหยิบใบไหนก็ได้ ของใครก็ได้กลับขึ้นมือไป
ใบที่หยิบกลับขึ้นไปเท่านั้นจึงจะเอาไปชงกาแฟได้ ช่วงนี้แหละจะเกิดทริกการช่วงชิงกาแฟกัน
เตรียมเกม
1. สุ่มหยิบการ์ดเปิดขึ้นมา 1 ใบ ดูสีเพื่อกำหนดเทรนด์กันก่อน
2. สมมุติว่าสุ่มเปิดได้สีเหลือง ก็ให้นำการ์ดเทรนด์กาแฟใบสีเหลือง/แดง จำนวน 3 ใบ มาวางตรงกลาง
3. เอาการ์ดคืนกอง แล้วแจกการ์ดให้ผู้เล่นจนหมดกอง คนละเท่าๆกัน
เทรนด์บอกอะไรเรา?
สังเกตวงกลมน้ำเงิน : มันกำหนดว่า รอบนี้ เทรนด์กาแฟต้องการกาแฟสตรอง จึงจะนำชัย ยิ่งเลขสูงยิ่งดี
สังเกตวงกลมขาว : ใครลงแต้มการ์ดกาแฟสูงสุด จะได้เลือกหยิบการ์ดจากกองกลางกลับขึ้นไปชงกาแฟได้ถึง 2 ใบ ส่วนคนที่ลงแต้มสูงรองลงมา จะได้หยิบการ์ดไปทำกาแฟแค่ 1 ใบ คนที่เหลือ อด! ไม่ได้ซักใบ
เริ่มเล่น : เลือกการ์ดบนมือแล้วเล่นลงมาคนละใบ
เทรนด์บอกว่าเลขสูงดี ผู้เล่นจึงพากันลงการ์ดเลขสูงมายังกองกลาง ไล่จากคนแรกไปคนสุดท้าย
เงื่อนไขคือ ห้ามลงสีซ้ำกัน (เว้นแต่ไม่มีจริงๆ ก็จะลงสีอะไรก็ได้)
จะเห็นว่ามีการลง 8 บ้าง 9 บ้าง 10 บ้าง ตามแต่ในมืออำนวย
ในที่นี้ ผู้เล่น C. ลงแต้ม 10 สูงสุด สตรองกว่าใครๆ จึงชนะทริกในรอบ และได้สิทธิ์หยิบอันดับหนึ่ง
ผู้เล่น A. ลงแต้ม 9 สตรองรองลงมา ได้สิทธิ์หยิบอันดับสอง
ผู้เล่น D. ลงแต้ม 8 แต่กติกากำหนดให้คนลงทีหลังดังกว่า แม้ว่าจะลง 8 เท่ากัน แต่ D. ลงทีหลัง B.
เค้าจึงได้สิทธิ์หยิบอันดับสาม
แต่ก็โชคร้าย เพราะเทรนด์กาแฟด้านสีเหลือง คนที่ได้อันดับสามไม่ได้หยิบอะไรเลย
ผู้เล่น C. หยิบก่อน เค้าเลือกคว้าการ์ดเบอร์ 8 มาทั้งสองใบ
สร้างนำไปก่อนครึ่งแก้ว อิอิ
พอผลัดกันหยิบจนครบโควต้า ส่วนการ์ดที่ไม่ถูกเลือกจากกองกลาง จะถูกกำหนดเป็นเทรนด์กาแฟในรอบถัดไป
อย่างตัวอย่างนี้ เหลือการ์ดสีเขียว เทรนด์กาแฟรอบหน้า จะเป็นกาแฟอ่อนนำชัย
ผู้เล่นทุกคนลงการ์ดมาที่กองกลางอีกครั้ง คราวนี้ถ้าอยากได้หยิบการ์ดไปทำกาแฟบ้างต้องลงแต้มอ่อนๆ
การเล่นจะสลับหมุนเวียนไปอย่างนี้จนกระทั่งมีใครซักคนการ์ดหมดมือ
กำหนดเทรนด์ - ลงกองกลาง - หยิบการ์ดขึ้นไปชงกาแฟ
ภาพรวมตอนเล่นก็จะประมาณนี้ พื้นที่กรอบเหลืองคือส่วนกลางที่ไว้ลงการ์ด, กำหนดเทรนด์ และหยิบการ์ดขึ้นไปชง
กรอบสีขาวคือพื้นที่ชงกาแฟของแต่ละคน
พอเล่นหลายรอบเข้า แก้วกาแฟเราก็ชักเป็นรูปเป็นร่าง ได้ครบสีบ้าง ได้แก้วแหว่งบ้าง จากนี้ก็ได้เวลานับคะแนน
คะแนนมีสามส่วนคือ คะแนนการชง (Blend Point), คะแนนโบนัส (Roast Bonus), และคะแนน Skill
คะแนนการชง มาจากการชงให้ครบแก้ว (หรือครบ 4 สีนั่นเอง)
1. แก้วนึงชงได้แค่ส่วนเดียว สีเดียว เอาไข่ไปกิน 0 คะแนน
2. แก้วนึงชงได้ครึ่งแก้ว สองสี ได้ 15 คะแนน
3. แก้วนึงชงได้สามสี เกือบครบแก้ว ได้ 25 คะแนน
4. ชงได้ครบแก้ว การ์ดครบสี่สี ได้ 50 คะแนน
ตามด้วยคะแนนโบนัส
นับเฉพาะแก้วที่ชงครบสี่องค์ประกอบ แก้วไหนที่มีระดับความเข้มตรงตามที่การ์ดเทรนด์รอบสุดท้ายกำหนด จะได้ Roast Bonus เพิ่มอีก 10 คะแนน
และคะแนน Skill ซึ่งดูจากการรวมตัวเลขเดียวกันในแก้วเดียวกัน
1. หากแก้วนั้นมีเลขเหมือนกัน 2 การ์ด ได้ 5 คะแนน
2. หากแก้วนั้นมีเลขเหมือนกัน 3 การ์ด ได้ 10 คะแนน
3. หากแก้วนั้นมีเลขเหมือนกัน 4 การ์ด ถือว่า Perfect Blend ได้ไป 15 คะแนน
อย่างแก้วนี้ชงครบสี่สี แถมเลขยัง 7-7-7-7 ถือว่าคะแนนสูงมาก
เกมจะเล่นทั้งหมดสามรอบ มีใบช่วยนับคะแนนมาให้ด้วย
ตอนจบจะเอาเฉพาะเบลนด์แก้วที่ดีที่สุดของแต่ละระดับเข้ม กลาง อ่อน มาคิดแต้ม
ใครแต้มมากสุดชนะ เทอทำ cupping ได้ดีเยี่ยม
สำหรับเกม Blend Coffee Lab นั้น ในเว็บไซต์ Boardgamegeek.com ให้คะแนนอยู่ที่ 6.8 คะแนน โดยคำวิจารณ์กล่าวว่า เป็นเกมที่คอนโทรลชัยชนะได้ยาก การวางแผนเพื่อให้ได้หยิบการ์ดที่ต้องการก็ยากอยู่แล้ว และเมื่อพลาดปุ๊บ การ์ดที่เหลือยังถูกทิ้งอีก! เรียกได้ว่าขัดใจคอเกมสายเพอเฟ็คชั่นนิสต์ เพราะการจะทำกาแฟ Perfect Blend ที่การ์ดครบสีแถมแต้มเหมือนกันด้วยนั้น ยากจริง ๆ
ส่วนคุณ Zee Garcia แห่ง Boardgamegeek นั้น เป็นแฟนตัวยงของเกมค่ายนี้ เค้าชอบที่อุปกรณ์มีเพียงการ์ดง่ายๆ แต่ทริกของกติกาทำให้เกมนี้ต้องใช้หัวคิดหลายตลบ ไม่ได้ตื้นซะทีเดียว
และนี่คือรีวิวเกม Blend Coffee Lab กับการ์ดเกมกล่องเล็ก แต่ลึก จากญี่ปุ่น
คราวหน้าจะมีเกมอื่นจากค่ายนี้มาให้ชมกันอีก เพื่อให้คุณเห็นคาแร็คเตอร์โดยรวม หรือลองเล่นเกมกล่องเล็กจากญี่ปุ่นดู แล้วคุณจะชอบ