คอลัมน์ EURO GAMER P.O.V รอบนี้พาคุณไปอ่านความคิดเห็นที่มีต่อเกม Argent the consortium เกมหน้าตาอนิเมะ แต่เกมดันดีมาก

สนุกจนทะลุคราบอนิเมะขึ้นครองใจนักเล่นบอร์ดเกมแนวยูโรได้เฉยเลย ไปอ่านกัน

รีวิวนี้เขียนโดย โสภณ นักเขียนจากเพจ So-called Board game

#Argent #argenttheconsortium #รีวิวบอร์ดเกม #บอร์ดเกม

เกมเกี่ยวกับอะไร: 

เมื่อ chancellor ของมหาวิทยาลัยเวทมนตร์ argent ว่างลง เหล่าอาจารย์จอมเวทย์ผู้เชี่ยวชาญเวทย์ในแต่ละสายต่างจ้องกันตาเป็นมัน แต่การจะได้ครอบครองตำแหน่งนี้ต้องพิสูจน์ให้สภามหาวิทยาลัยที่มองหาคุณสมบัติที่ต่างกันยอมรับให้ได้

คุณในฐานะ 1 ใน candidate จึงต้องเกณฑ์ลูกศิษย์ ซื้อ vault card รวบรวม supporter และเรียนรู้ spell เพื่อแย่งชิงตำแหน่ง chancellor อันทรงเกียรติ

เกมเล่นยังไง: 

เกมเล่นกัน 5 รอบ ใน 1 รอบมี 3 phase phase ที่สำคัญสุดคือ errand phase หรือเรียกง่าย ๆ ว่า action phase โดย action ที่ผู้เล่นทำได้มี 5 อย่าง

1. ลง mage ไปในห้อง

2. เล่น vault card

3. เล่น supporter card

4. เล่น spell card

5. หยิบ bell tower

จบ errand phase mage ที่วางไว้จะทำ action ในแต่ละห้องซ้ายไปขวาบนลงล่าง

ครบ 5 รอบใครได้รับคะแนนจาก voters เยอะสุดก็ชนะไป

เกมสนุกไหม:

ภายใต้ flow ที่ clean นั้นแฝงไปด้วย layer ต่าง ๆ ที่ทำให้เกมนี้โคตรสนุก

Theme ของเกมทำงานได้อย่างเต็มที่ ถึงแม้จะเป็นเกมยูโร แต่การที่ mage แต่ละประเภทมีความสามารถที่ต่างกันเมื่อผนวกกับ spell ที่มีทั้งไว้ยิงชาวบ้าน ย้าย mage เพื่อน หรือ spell ป้องกัน ทำให้การเล่าเรื่องเกี่ยวกับการขับเคี่ยวกันเป็นหนึ่งในโรงเรียนเวทย์เด่นชัด

เหี้ยมตามที่ตัวเกมโปรโมทไว้จริง ๆ interaction อยู่ในระดับที่ตัดกันยับ การใช้ spell เกมนี้อาจไม่ได้มีการใช้บ่อยมากนักด้วยข้อจำกัดของ mana แต่การถูก spell ของเกมนี้ทำให้หัวร้อนระดับลุกเป็นไฟเลย ด้วยความที่เป็นเกมยูโรที่เราต้องวางวิธีใช้ mage แต่ละตัวให้เข้ากับ strategy ที่วางไว้ การถูกยิง ถูกย้าย หรือ ถูกส่งกลับขึ้นมือ แม้แต่ตัวเดียวอาจทำให้แผนเราบรรลัยได้เลย

ซึ่งด้วยความเหี้ยมนี่แหละทำให้เกิดความสนุกในการทำ action ในแต่ละจังหวะ mage ตัวนี้เราควรลงก่อนไหม เพื่อนเล็งช่องเดียวกับเราไหม ลงไปแล้วจะถูกยิงไหม ใช้ spell ก่อนแล้วค่อยลง mage ดีไหม เมื่อผนวกกับระบบที่สามารถถูกตัดจบในแต่ละรอบจากการหยิบ bell tower ใบสุดท้ายยิ่งเพิ่ม layer ของการวางแผนให้ต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดเข้าไปอีก

เป็นเกมที่แปลกในระดับหนึ่งตรงที่ทุกอย่างเป็น open information หมดแต่พวก voter ที่เป็นตัวทำคะแนนกลับเป็น close information ตรงนี้บางคนอาจมองว่าเป็นดวงหรือเปล่า แต่ผมคิดว่าระบบนี้ช่วยเพิ่ม patyish ทำให้มีการพูดคุย โม้ bluff กันระหว่างวง เพิ่มสีสันให้กับเกมมากขึ้น เคยเห็นทั้งคนชนะที่วาง marker จนหมด กับคนชนะที่แทบไม่วาง marker เลยเหมือนกัน

Replayability สูงมาก นักเวทย์มีความสามารถ 2 ด้าน ห้องมีหลายห้องสุ่มมา แต่ละห้องมี 2 ด้าน ทำให้ feeling ของการเล่นในแต่ละรอบแตกต่างได้พอสมควร

สรุป: หากโลกนี้ไม่มี Agricola กับ Brass นี่คือเกมที่ดีที่สุดของผมครับ