ในบ้านของเราเองมีศักยภาพพอจะผลิตได้ทุกอย่าง ตั้งแต่ทำน้ำพริก กวนครีม ทำเฟอร์นิเจอร์ ยันทำอาวุธ
จึงนับได้ว่าหากจะทำบอร์ดเกมเองก็ไม่น่ายากอะไร
เดินไปซื้อ printer ก็จบป่าววะ
ความโง่ลำดับที่ 1 ของเราคือ เริ่มลงมือทำบอร์ดเกมด้วยการไปซื้อ printer
รู้ว่าผิดขั้นตอน แต่ในหัวคิดว่าถ้ามีสักเครื่องไว้ก่อน..อุ่นใจ
ภาพตัดมาที่ห้าง
ปกติเวลาเราจะเลือกซื้อเครื่องปริ๊นต์ ก็จะไปเดินๆดูตามห้างก่อน
เวลาเดินดูเราจะเห็นตัวอย่างงานพิมพ์สีสวยสดวางเรียงอยู่ข้างๆ
ปริ๊นต์กันมาให้ดูหลายแบบ ทั้งหนา บาง เงาและด้าน
แต่ละภาพถ่ายสีสวยสดตาแตก ดอกไม้เจ็ดสี เด็กฝรั่งตาฟ้าอมเขียวเปล่งประกาย
นี่ถ้าฉันซื้อมาคงปริ๊นต์งานได้สวยแบบนี้แน่ๆ เป็นใครก็คิดแบบนั้น
ในปี 2564 เราเลยตัดสินใจซื้อ printer มาเครื่องหนึ่งเครื่องเล็กๆ และเป็นเครื่องที่ใช้ชื่อว่า Inktank
ด้วยเหตุผลที่คนขายเป่าหูมาว่า "คมชัดประหยัดหมึกมากพี่"
Inktank คือเครื่องปริ๊นต์ที่มีถังหมึกแยกอยู่ข้างๆ
เมื่อหมึกสีไหนหมดก็สามารถซื้อน้ำหมึกสีนั้นมาเติมใส่ถังได้เลย
คนขายบอกเราว่า เครื่องแบบนี้ประหยัดค่าหมึกได้ดีเยี่ยม
หากเทียบกับเครื่องระบบเดียวกันที่น้ำหมึกอยู่ในตลับหัวพิมพ์ อันนั้นเวลาเปลี่ยนที่ต้องเปลี่ยนทั้งหัว
รวมถึงประหยัดกว่าเครื่องแบบเลเซอร์ที่ตลับหมึกแท้แสนแพงจนอยากไปเกิดใหม่
ได้ยินคำว่าประหยัดหลอนหูไปๆมาๆ ก็ลืมซะสนิทว่าจะเอาไปลองทำบอร์ดเกม
และแล้วเครื่องยี่ห้อ H ระบบ Inktank ราคา 3xxx บาท ก็มาตั้งอยู่ในบ้าน
เอากลับมาบ้านด้วยใจฟูพอง เริ่มปริ๊นต์อะไรซักอย่างดีกว่า
เริ่มจากปริ๊นต์เอกสารทั่วไปอย่างใบวางบิลก่อน ใช้กระดาษที่ขายเป็นรีมตามห้าง เอาที่ไว้ใจได้ที่สุด ชื่อย่อตัว A
ผลงานออกมาโอเคดี เบลอนิดๆ น่าจะเป็นเพราะกระดาษแหละมั้ง
ลองปริ๊นต์สีดูบ้างดีกว่า ครืด ครืดๆๆ
ความรู้สึกตอนกระดาษดูดเข้าเครื่องช่างน่าตื่นเต้นเหมือนกับกำลังจะได้ของขวัญชิ้นใหญ่
พองานปริ๊นต์เสร็จความรู้สึกเหมือนเปิดกล่องของขวัญมาเจอความสยองขวัญแทน
งานปริ๊นต์ไม่เห็นชัดอย่างตัวอย่างในร้านเลยนี่หว่า ริ้วเส้นอะไรเต็มไปหมดวะเนี่ย!
ด้วยความงง และคิดส่าเป็นเพราะคุณภาพกระดาษไม่ดีพอ
เราเลยไปสุ่มซื้อกระดาษคุณภาพสูงมันทุกรูปแบบจากสารพัดร้านค้ามาลอง
คิดซะว่าเป็นการลงทุนเพื่อความรู้ และงานที่เราเลือกทดลองพิมพ์คือ คู่มือฉบับโฮมเมด ที่มี QR Code
ให้คนที่ซื้อบอร์ดเกมกับร้านสามารถสแกนอ่านคู่มือภาษาไทยได้
เทสปริ๊นต์สีอันนี้แหละ จะได้มีไว้ส่งให้ลูกค้าที่ซื้อเกมกับเราด้วย
กดตั้งค่าความละเอียดสูงสุดแบบเต็มเหนี่ยวดูอีกทีซิ คราวนี้แหละมันต้องดี
กระดาษหมายเลข 1
ครืด ครืด ครืด เหยยยย..
งานพิมพ์ออกมาสีฉ่ำมาก ฉ่ำราวกับเพิ่งผ่านการเพ้นท์โดยศิลปินอันดับ 1 ของโลก
สีสันดูเลื่อนไหล พริ้วไหว ฉ่ำ และเยิ้มๆแฮะ ชักจะไม่ใช่ละ
เมื่อเอานิ้วปาด สีที่สวยสดก็รูดติดนิ้วมาทั้งหมด เราเอานิ้วขวาขึ้นมาดู ส่วนนิ้วซ้ายปาดน้ำตาตัวเอง
ลองเปลี่ยนกระดาษ ผลที่ได้ก็ไม่ดีซักอัน
เกิดอะไรขึ้นนะ!!!
กระดาษหมายเลข 2
เลยลองเอาไฟล์เดิมไปแอบใช้เครื่องที่ออฟฟิสเก่า หาตัวเปรียบเทียบดูดีดิ้
โดยนำกระดาษที่ซื้อมาไปด้วย
ครืด ครืด ครืด พระเจ้าโปรดเมตตาลูกด้วย ขอให้งานออกมาดูดี..
เครื่องใหญ่ระดับออฟฟิสต้องไม่ทำให้เราผิดหวัง งานพิมพ์ออกมาดูดีเชียว
ลองเอานิ้วรูดดู คราวนี้สีไม่ฉ่ำเยิ้มดุจสีน้ำมัน แต่ สีหลุดปลิวเป็นผงให้เห็นกันแบบคาตา
..ยืนไว้อาลัย..
ไม่ว่าคุณจะใช้เงินแก้ปัญหา เอาเงินเปย์กว้านซื้อกระดาษที่แพงมาแค่ไหน
แต่คุณภาพกระดาษนั้นไม่เกี่ยวเลย สิ่งที่เกี่ยวกับคือ คุณใช้กระดาษถูกประเภทกับเครื่องปริ๊นต์ไหมต่างหาก
กระดาษหมายเลข 1 เราเอากระดาษ Laser มาพิมพ์ด้วยเครื่อง Inkjet
ในขณะที่
กระดาษหมายเลข 2 เราเอากระดาษ Inkjet มาพิมพ์ด้วยเครื่อง Laser
และนี่คือบทเรียนที่ 1 ที่สอนให้เรารู้ว่า
ในโลกของเครื่องปริ๊นต์บ้าน เรามักได้ยินอยู่ 2 ระบบใหญ่ๆ คือ Laser และ Inkjet
ไอ้บ้า ใครๆเค้าก็รู้อยู่แล้ว ยกเว้นฉัน
ใช่แหละแม้เราจะเข้าสู่โลกยุค AI หรือเข้ามาถึงศตวรรษที่ 21 แล้ว
เครื่องปริ๊นต์ก็ยังไม่สามารถพิมพ์ลงบนสิ่งที่เรียกว่า "กระดาษ" ได้ทุกแบบอยู่ดี ซึ่งความต่างคือ...
(ต่อโพสหน้านะจะรีบมาต่อ)